องค์กร การจัดการ การตัดสินใจ
ความหมายขององค์กร
องค์กร หมายถึง การนำเอาส่วนต่างๆที่มีความเกี่ยวข้องกันมารวมกันอย่างมีระเบียบ หรือเป็นการรวมกลุ่มกันอย่างมีเหตุผลของบุคคลกลุ่มหนึ่ง เพื่อเป็นศูนย์อำนวยการให้การดำเนินงานลุล่วงไปตามป้าหมายที่กำหนดไว้โดยมีการใช้อำนาจการบริหารที่ชัดเจนมีการแบ่งงานและหน้าที่ลำดับขั้นตอนของการบังคับบัญชา และความรับผิดชอบ (วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี)
องค์กร แบ่งออกเป็น 4 ประเภท คือ องค์กรภาครัฐ องค์กรธุรกิจ องค์กรรัฐวิสาหกิจ และองค์กรอาสาสมัคร
แหล่งอ้างอิง
องค์กร หมายถึง การนำเอาส่วนต่างๆที่มีความเกี่ยวข้องกันมารวมกันอย่างมีระเบียบ หรือเป็นการรวมกลุ่มกันอย่างมีเหตุผลของบุคคลกลุ่มหนึ่ง เพื่อเป็นศูนย์อำนวยการให้การดำเนินงานลุล่วงไปตามป้าหมายที่กำหนดไว้โดยมีการใช้อำนาจการบริหารที่ชัดเจนมีการแบ่งงานและหน้าที่ลำดับขั้นตอนของการบังคับบัญชา และความรับผิดชอบ (วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี)
องค์กร แบ่งออกเป็น 4 ประเภท คือ องค์กรภาครัฐ องค์กรธุรกิจ องค์กรรัฐวิสาหกิจ และองค์กรอาสาสมัคร
- องค์กรภาครัฐ เป็นองค์กรที่มีวัตถุประสงค์เพื่อการบริการให้แก่ประชาชน โดยไม่หวังผลตอบเเทนเชิงเศรษฐกิจ ตัวอย่างองค์กรภาครัฐ ได้แก่ กระทรวง ทบวง กรมต่างๆ เช่น กระทรวงศึกษาธิการ สำนักงานคณะกรรมการอาชีวศึกษาการพัฒนาฝีมือแรงงาน เป็นต้น
- องค์กรธุรกิจ เป็นองค์กรที่จัดทำขึ้นเพื่อดำเนินกิจกรรมทางการค้าและทางธุรกิจโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อแสวงหากำไร เช่น บริษัทห้างร้านต่างๆ ได้แก่ บริษัทห้างร้านต่างๆ ได้แก่ ธนาคาร ห้างสรรพสินค้า ห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด เป็นต้น
- องค์กรรัฐวิสาหกิจ เป็นองค์กรที่รัฐเป็นเจ้าของและมีวัตถุประสงค์ในการดำเนินการเชิงการค้าที่ไม่หวังผลกำไร เช่น องค์กรขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค การรถไฟแห่งประเทศไทย เป็นต้น
- องค์กรอาสาสมัคร เป็นองค์กรของเอกชนที่มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างสรรค์สังคมช่วยเหลือบรรเทาสาธารณะภัย เช่น มูลนิธิร่วมกตัญญู มูลนิธิสายใจไทย เป็นต้น
ระบบสารสนเทศในองค์กร
บทบาทของระบบสารสนเทศในองค์กร
องค์การ ตามความหมายทางเทคนิค หมายถึง โครงสร้างทางสังคมอย่างเป็นทางการที่มีความมั่นคง โดยรับเอาทรัพยากรจากสิ่งแวดล้อมมาผ่านกระบวนการเพื่อสร้างหรือผลิตผลลัพธ์ คำจำกัดความด้านเทคนิคนี้จะเน้นองค์ประกอบขององค์การ 3 ส่วน คือ
- ปัจจัยหลักด้านการผลิต ได้แก่ เงินทุนและเเรงงาน
- กระบวนการผลิต ซึ่งจะเปลี่ยนสิ่งที่นำเข้าให้เป็นผลิตภัณฑ์
- ผลผลิต ได้แก่ สินค้าและบริการ
ผลกระทบของระบบสารสนเทศต่อองค์กร
ระบบสารสนเทศมีผลกระทบต่อกระบวนการทำงานและโครงสร้างขององค์การดังนี้
- ลดระดับขั้นของการจัดการ
- มีความคล่องตัวในการดำเนินงาน
- เปลี่ยนแปลงกระบวนการจัดการ
- กำหนดขอบเขตการดำเนินงานใหม่
ความหมายของเศรษฐศาสตร์จุลภาคทางเทคนิคขององค์กร
ในความหมายทางเศรษฐศาสตร์จุลภาคทางเทคนิคขององค์กร ทุนและแรงงานเป็นปัจจัยการผลิตหลักในการให้บริการ โดยสภาพแวดล้อมจะเปลี่ยนไปตามแต่บริษัท ผ่านกระบวนผลิต เกิดเป็นผลิตภัณฑ์และบริการ ผลิตภัณฑ์และบริการได้โดยเริ่มต้นที่มีการบริโภคโดยสภาะแวดล้อม ซึ่งวัสดุเพิ่มทุนและแรงงานเป็นปัจจัยการผลิตในห่วงความคิดเห็น
![]() |
ภาพของเศรษฐศาสตร์จุลภาคทางเทคนิคขององค์กร |
มุมมองพฤติกรรมขององค์กร
ความหมายในเชิงพฤติกรรมขององค์กร พฤติกรรมขององค์กร พันธกิจ ภาระหน้าที่และความรับผิดชอบ ซึ่งสิ่งต่างๆ เป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน ถ้าไม่มีความรับผิดชิบอาจจะส่งผลกระทบต่อกันและกัน มีการปรับให้เกิดคว่ามสมดุลโดยใช้ระยะเวลาช่วงหนึ่งในการปรับตัว ซึ่งจะทำให้เกิดความสมดุลระหว่างความขัดแย้งได้
นิยามพฤติกรรมขององค์กรแสดงให้เห็นว่า การสร้างระบบข้อมูลใหม่ ๆ หรือการสร้างระบบเก่าที่เกี่ยวข้อง
มากกว่าการจัดเรียงใหม่ทางเทคนิคของเครื่องจักรหรือคนงานนั่นแหละ ระบบข้อมูลบางอย่างเปลี่ยนความสมดุลขององค์กร สิทธิหน้าที่ความรับผิดชอบและความรู้สึกที่มีถูกสร้างขึ้นในช่วงเวลาอันยาวนาน
คุณสมบัติขององค์กร
มุมมองด้านเทคนิคและพฤติกรรมขององค์กร
คำจำกัดความทางด้านเทคนิคอธิบายถึง วิธีการที่หลายบริษัทในตลาดการแข่งขันร่วมทุนและแรงงานเข้ากับสารสนเทศ
รูปแบบพฤติกรรมอธิบายว่าเทคโนโลยีมีผลต่อการทำงานภายในองค์กรอย่างไร
องค์กรสมัยใหม่ทั้งหมดสามารถเห็นได้ว่า เป็นระบบราชการที่มีลักษณดะสำคัญบางประการ ได้แก่ การแบ่งแยกแรงงงานอย่างชัดเจน ลำดับขั้น กฎและขั้นตอนที่ชัดเจน การตัดสินที่เป็นกลาง การมีคุณสมบัติทางเทคนิคสำหรับตำแหน่งและประสิทธิภาพขององคืกรสูงสุด นอกจากนี้ทุกองค์กรมีการพัฒนากิจวัตรและกระบวนการทางธุรกิจ ปารเมือง และวัฒนธรรม
กระบวนการทางธุรกิจคือ การเก็บรวบรวมข้อมูลประจำตัวหรือขั้นตอนการปฏิบัติงานมาตรฐาน (SOP) ซึ่งจะช่วยให้บริษัทนั้นมีประสิทธิภาพ
วัฒนธรรมองค์กร
- วัฒนธรรมองค์การถือเป็นพลังร่วมที่มีประสิทธิภาพ ยับยังความขัดแย้งทางการเมืองและส่งเสิมให้เกิดทำงานร่วมกัน ความเข้าใจ ข้อตกลงเกี่ยวกับขั้นตอนและข้อตกลงทั่วไป การปฏิบัติ หากเราทั้งหมดร่วมกันมีสมมติฐานทางวัฒนธรรมที่เป็นพื้นฐานเดียวกัน ข้อตกลงอื่นๆก็จะมีโอกาสมากขึ้น
- ในเวลาเดียวกัน วัฒนธรรมองค์กรเป็นความยับยั้งชั่งใจที่มีประสิทธิภาพเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีมากที่สุด องค์กรต่างๆจะทำทุกอย่างเพื่อหลีกเลี่ยงการเปลี่ยนแปลงสมมติฐานพื้นฐานทางเทคโนโลยีที่คุกคาม ข้อสันนิษฐานทางวัฒนธรรมที่มีขึ้นมักจะเป็นไปในทิศทางที่ดี ความต้านทาน อย่างไรก็ตามมีบางครั้งที่มีเพียงสิ่งเดียวเท่านั้น วิธีที่เหมาะสมสำหรับบริษัทที่จะก้าวไปข้างหน้าก็คือการจ้างพนักงานใหม่ เทคโนโลยีที่ตรงข้ามกับองค์กรที่มีอยู่ วัฒนธรรมเมื่อมีปัญหานี้เทคโนโลยีมักจะค่อยๆปรับเปลี่ยน
สภาพแวดล้อมขององค์กร
สภาพแวดล้อมที่กำหนดสิ่งที่องค์กรสามารถทำได้ แต่องค์กรสามารถมีอิทธิพลต่อสภาพแวดล้อมของพวกเขาและตัดสินใจที่จะเปลี่ยนสภาพแวดล้อมโดยสิ้นเชิง เทคโนโลยีสารสนเทศมีบทบาทสำคัญในการช่วยองค์กรตระหนักถึงการเปลี่ยนแปลงด้านสิ่งแวดล้อมและในการช่วยเหลือองค์กรทำหน้าที่ในเรื่องสิ่งแวดล้อม
โครงสร้างขององค์กร
- Functional: โครงสร้างถูกออกแบบโดยอ้างอิงกลุ่มงานหลักขององค์กร และกระบวนการหลักในการทำงาน โดยไม่คำนึงถึงลักษณะธุรกิจขององค์กร และกลุ่มลูกค้า เช่น แบ่งตามฝ่าย ตามแผนก ฯลฯ เหมาะสำหรับองค์กรที่มีจำนวนผลิตภัณฑ์และกลุ่มลูกค้าน้อย
- Divisional: โครงสร้างถูกออกแบบโดยอ้างอิงกลุ่มงานหลักขององค์กร และกระบวนการหลักในการทำงาน โดยจะเน้นไปที่ตลาดเป็นสำคัญ เช่น แบ่งกลุ่มงานบางกลุ่มตามประเภทของผลิตภัณฑ์
- Front / Back: โครงสร้างถูกออกแบบโดยด้านหนึ่งจะถูกรวมด้วยเกณฑ์ด้านลูกค้า (Front End) และอีกด้านหนึ่งจะถูกรวมด้วยเกณฑ์ด้านผลิตภัณฑ์และบริการ (Back End) เช่น แบ่งกลุ่มต่างๆของฝ่ายขาย และกละุ่มต่างๆของฝ่ายผลิต
- Strategic Business Units (SBU): โครงสร้างถูกออกแบบด้วยเกณฑ์ด้านลุกค้า ที่มีความต้องการในสินค้าหรือบริการที่เหมือนๆกัน
- Matrix: โครงสร้างถูกออกแบบโดยใช้เกณฑ์ของกลุ่มการดำเนินงานหลัก และกระบวนการหลัก (มีลักษณะเป็นแถวและคอลัมน์ไขว้กันเป็นตาราง)
องค์กรและระบบข้อมูล
องค์กรและระบบข้อมูลมีอิทธิพลซึ่งกันและกัน ความต้องการข้อมูลขององคืกรส่งผลต่อการออกแบบระบบข้อมูล และองค์กรต้องเปิดกว้างต่ออิทธิพลของระบบสารสนเทศ เพื่อให้ได้รับประโยชน์อย่างเต็มที่จาดเทคโนโลยีใหม่ๆ สภาพแวดล้อมวัฒนธรรม โครงสร้างขั้นตอนการปฏิบัติงาน มาตรฐานการตัดสินใจทางการเมืองและการบริหารจัดการ เป็นปัจจัยทางการสื่อสารที่มีอิทธิพลต่อการปฏิสัมพันธ์ระหว่างเทคโนโลยีสารสนเทศกับองค์กร
ผลกระทบของระบบสารสนเทศเกี่ยวกับองค์กร
- ผลกระทบในด้านการเงิน การนำคอมพิวเตอร์มาใช้ในระบบงานธนาคารทำให้เกิดระบบออนไลน์ต่างสาขาและระบบเงินด่วน หรือเอทีเอ็ม (ATM) ในทัศนะของธนาคารถือว่าเป็นการอำนวยความสะดวกให้แก่ลูกค้า ประหยัดค่าใช้จ่ายและบุคลากร พร้อมกับเพิ่มอำนาจในการแข่งขันของธนาคารไปด้วย แต่ในด้านผู้เป็นลูกค้าแล้ว ปรากฏว่าความสะดวกนี้ไม่เฉพาะแต่ในด้านการฝากถอนเงินเท่านั้น หากยังสะดวกในด้านการจับจ่ายใช้สอยอีกด้วย
- ผลกระทบขององค์กรและพฤติกรรม ระบบสารสนเทศสามารถลดจำนวนระดับในองค์กรได้โดยการให้ข้อมูลแก่ผู้จัดการ ในการกำกับดูแลแรงงานจำนวนมาก และโดยให้พนักงานระดับล่างมีอำนาจในการตัดสินใจมากขึ้น
ทำความเข้าใจกับความต้านทางต่อการเปลี่ยนแปลงขององค์กร
ระบบข้อมูลใหม่ๆ จำนวนมากจำเป็นต้องมีการเปลี่ยนแปลงในส่วนบุคคล กิจวัตรประจำวันที่อาจจะมีส่วนเกี่ยวข้องและต้องฝึกอบรม ความพยายามเพิ่มเติมอาจจะไม่ชดเชยได้ เนื่องจากระบบสารสนเทศอาจเป็นไปได้เปลี่ยนแปลงโครงสร้างองค์กร วัฒนธรรม ธุรกิจ กระบวนการและกลยุทธ์มักมีความต้านทานเป็นอย่างมากเมื่อมีการแนะนำ
ผลการออกแบบและทำความเข้าใจเกี่ยวกับระบบสารสนเทศ
ปัจจัยที่เป็นศูนย์กลางขององค์กรเพื่อพิจารณาการวางแผนระบบใหม่มีดังต่อไปนี้
- สภาพแวดล้อมที่องค์กรต้องทำงาน
- โครงสร้างขององค์กร ลำดับชั้น ความเชี่ยวชาญ และกระบวนการทางธุรกิจ
- วัฒนธรรมและการเมืองขององค์กร
- ประเภทขององคืกรและรูปแบบการเป็นผู้นำ
- กลุ่มผลประโยชน์หลักที่ได้รับผลกระทบจากระบบและทัศนคติของบุคคลที่จะใช้ระบบ
- ประเภทของงาน การตัดสินใจและกระบวนการทางธุรกิจ ที่ถูกออกแบบมาเพื่อช่วยในการจัดการระบบสารสนเทศ
ระบบสารสนเทศเชิงกลยุทธ์
ระบบสารสนเทศเชิงกลยุทธ์เชิงกลยุทธ์ (SIS) หมายถึง ระบบคอมพิวเตอร์ทุกระดับขององค์กรที่ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเป้าหมาย การดำเนอนงาน สินค้า บริการ หรือความสัมพันธ์กับสภาพแวดล้อมีท่จะสนับสนุนให้มีความได้เปรียบทางการแข่งขัน
ในรูปแบบการแข่งขันของพอร์ตเตอร์ ตำแหน่งยุทธศาสตร์ของบริษัทและกลยุทธ์ของบริษัท กำหนดโดยไม่เพียงแต่การแข่งขันกับคู่แข่งโดยตรงแบบดั้งเดิม แต่ยังรวมถึงสิ่งอื่นๆในสภาพแวดล้อมของอุตสาหกรรมตลาดใหม่ ผู้แทนผลิตภัณฑ์ทดแทนลูกค้าและซัพพลายเออร์
- ผู้เข้ารับตลาดใหม่
- ในระบบเศรษฐกิจเสรีที่มีแรงงานฝีมือและทรัพยากรทางการเงินใหม่ๆ บริษัทต่างๆกำลังเข้าสู่ตลาดอยู่เสมอ ในบางเรื่องอุตสาหกรรมที่นั่นมีอุปสรรค์เป็นอย่างมาก
- สินค้าและบริการทดแทน
- ในเกือบทุกๆอุตสาหกรรมเทคโนโลยีมีการสร้างทดแทนใหม่อยู่ตลอดเวลา
- ลูกค้า
- บริษัทที่มีกำไรจะขึ้นอยู่กับความสามารถของแรงดึงดูดและรักษาลูกค้า
- ซัพพลายเออร์
- ผลกระทบของตลาดกับซัพพลายเออร์ กำไรโดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อบริษัทไม่สามารถขึ้นราคาได้อย่างรวดเร็วของซัพพลายเออร์ที่แตกต่างกันมากขึ้น บริษัทมีการควบคุมที่เหนือกว่าผู้ประกอบการในแง่ของราคาคุณภาพและตารางการจัดส่งสินค้า
ยุทธศาสตร์ระบบสารสนเทศเพื่อการติดต่อกับแรงกดดันในการแข่งขัน
- ต้นทุนต่ำเป็นผู้นำการใช้ระบบสารสนเทศเพื่อให้เกิดต้นทุนการดำเนินงานต่ำสุดและราคาต่ำสุด
- ผลิตภัณฑ์ความแตกต่างของการใช้ข้อมูลระบบเพื่อเปิดใช้งานผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ หรือลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงอย่างมาก ความสะดวกในการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีอยู่และการบริการ
- มุ่งเน้นไปที่ช่องทางการตลาด ระบบสารสนเทศช่วยให้บริษัทในการวิเคราะห์รูปแบบการซื้อของลูกค้า รสนิยมและความคุ้นเคย เพื่อการโฆษณาได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเเคมเปญการตลาดไปยังเป้าหมายที่มีขนาดเล็ก
- ลูกค้าและซัพพลายเออร์มีความคุ้นเคยการใช้ระบบข้อมูลเพื่อพัฒนาความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งและความจงรักภัคดีกับลูกค้าและซัพพลายเออร์
การประยุกต์ใช้ธุรกิจทางสังคม
เครือข่ายทางสังคม (Social networks) เป็นระบบทางสังคมที่เชื่อมโยงกันด้วยความสัมพันธ์ เชื่อมต่อผ่านโปรไฟล์ส่วนบุคคลและธุรกิจ
Crowdsourcing เป็นการรวมกันของคำว่า Crowd+Outsourcing คือการกระจายปัญหาไปยังกลุ่มค้นเพื่อค้นหาคำตอบ และวิธีการในการแก้ปัญหาทางธุรกิจนั้นๆ บริษัทสามารถ broadcast คำถามหรือปัญหาที่ต้องการคำตอบไปยังกลุ่มคนขนาดใหญ่เพื่อให้ได้มาซึ่งวิธีการใหม่ๆ Crowd หรือ User ส่วนมากในการทำ Crowdsourcing เราจะหมายถึงกลุ่มชุมชน Online หรือในโลก Cyber
Crowdsourcing เป็นการรวมกันของคำว่า Crowd+Outsourcing คือการกระจายปัญหาไปยังกลุ่มค้นเพื่อค้นหาคำตอบ และวิธีการในการแก้ปัญหาทางธุรกิจนั้นๆ บริษัทสามารถ broadcast คำถามหรือปัญหาที่ต้องการคำตอบไปยังกลุ่มคนขนาดใหญ่เพื่อให้ได้มาซึ่งวิธีการใหม่ๆ Crowd หรือ User ส่วนมากในการทำ Crowdsourcing เราจะหมายถึงกลุ่มชุมชน Online หรือในโลก Cyber
Shared workspaces พื้นที่ทำงานที่ใช้ร่วมกัน ประสานงานโครงการและงานสร้างเนื้อหาร่วมกัน
Blogs and WiKis
- Blogs เป็นรูปแบบเว็บไซตืประเภทหนึ่ง ถูกเขียนขึ้นในลำดับที่เรียงตามเวลาในการเขียน ซึ่งแสดงข้อมูลที่เขียนล่าสุดไว้แรกสุด บล็อกโดยปกติประกอบด้วย ข้อความ ภาพ ลิงก์ เป็นต้น
- Wikis วิกิ หรือ วิกี คือลักษณะของเว็บไซต์แบบหนึ่งที่อนุญาติให้ผู้ใช้เพิ่มและแก้ไขเนื้อหารได้โดยง่าย
Social Commerce คือ Social Media ในมุมมองที่เกี่ยวข้องกับ E-Commerce หรือการทำธุรกิจโดยมีส่วนที่เกีื่ยวข้องกับ Social Activity บนโลกออนไลน์ แชร์ความคิดเห็นเกี่ยวกับการซื้อหรือซื้อสินค้าทางสังคมแพลตฟอร์ม
File Sharing คือ การใช้ไฟล์หรือโฟล์เดอร์ร่วมกัน นิยมเรียกกันโดยทั่วไปว่า File Server (เซิร์ฟเวอร์ที่ใช้เก็บไฟล์) สามารถอัพโหลด แชร์และแสดงความคิดเห็นในรูปภาพ วิดีโอ เสียง ข้อความได้
Social marketing (การคืนกำไรตอบแทนสังคม) คือ กลยุทธ์ทางการตลาด เพื่อเป้าหมายสร้างภาพลักษณ์ที่ดีต่อองค์กร สะท้อนภาพลักษณ์ของสินค้า เป็นเครื่องมือการตลาดที่สำคัญนอกเหนือการขายสินค้าเพียงอย่างเดียว
Communities คือ กลุ่มคนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เดียวกัน มีลักษณะวัฒนธรรมที่เหมือนหรือคล้ายกัน
การจัดการ (Management)
หมายถึง กระบวนการที่จะทำให้บรรลุถึงเป้าหมายขององค์กร ซึ่งเป็นภารกิจของบุคคลหนึ่งหรือหลายคนที่เข้ามาทำหน้าที่ประสานทรัพยากรต่าง ๆ ขององคืกร และความพยายามของสมาชิกทำให้เกิดกิจกรรมต่าง ๆ ที่นำไปสุ่การบรรลุความสำเร็จขององค์กร โดยการวางแผน การจัดองค์กร การจัดคนเข้าทำงาน การอำนวยการ และการควบคุม ทรัพยากรขององค์กร ซึ่งต้องเผชิญกับสภาพแวดล้อมภายนอกองค์กรที่มีการแข่งขันมากขึ้น ทรัพยากรลดลง การเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วของเทคโนโลยี การตอบสนองของวัฒนธรรมที่แตกต่างกัน การเผชิญกับข้อจำกัดทางกฎหมาย และความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลง
หน้าที่ทางการจัดการ
โดยทั่วไปแบ่งออกเป็น 5 ประการ คือ
- การวางแผน (Planning) เป็นการกำหนดแนวทางการดำเนินงานขององค์กรในอนาคต ในลักษณะของแผนงานอย่างกว้างๆ ผลลัพธ์ที่ได้มาจะเป็นรูปแบบ วิธีการดำเนินงาน ระยะเวลา และทรััพยากรที่ใช้ในการดำเนินงาน
- การจัดองค์กร (Organizing) เป็นการกำหนดโครงสร้างขององค์กร เพื่อเเสดงให้เห็นความสัมพันธ์ของงาน แสดงให้เห็นถึงการใช้อำนาจหน้าที่และการตัดสินใจ เพื่อการดำเนินกิจกรรมต่างๆ ขององค์กร
- การจัดคนเข้าทำงาน (Staffing) เป็นการจัดสรรบุคลากรให้เหมาะสมกับการปฏิบัติงาน ประเมินผลงานของพนักงาน กำหนดสิ่งตอบแทนการทำงานของพนักงานและเพิ่มพูนความรู้ความสามารถของพนักงานให้สูงขึ้น
- การอำนวยการ (Directing) เป็นการสั่งการหรือให้แนวทางแก่ผู้ใต้บังคับบัญชา ในเรื่องที่เกี่ยวกับงานที่ได้รับมอบหมายให้ ผู้บริหารต้องประสานงานระหว่างทีมงานให้เป็นไปอย่างสะดวกและรวดเร็ว โดยใช้การสื่อสารรูปแบบที่เหมาะสม รวดเร็ว และประหยัดต่อองค์กร
- การควบคุม (Controlling) เป็นการควบคุมให้การดำเนินงานเป็นไปอย่างเหมาะสมคุ้มกับการลงทุน ผู้บริหารต้องพิจารณาว่าจะเลือกใช้วิธีการใดในการควบคุม เช่น ปริมาณ เวลา คุณภาพ หรือ งบประมาณ และการประเมินผลการดำเนินงานเป็นไปอย่างเหมาะสม
ระดับของผู้บริหาร
ระดับของผู้บริหารโดยทั่วไปแบ่งออกเป็น 3 ระดับ คือ
- ผู้บริหารระดับสูง (Top Manager) มีอำนาจในการบังคับบัญชาโดยทั่วทั้งองค์กร โดยการสั่งการลงมายังผู้บริหารระดับกลางและล่าง ลักษณะงานส่วนใหญ่จะเน้นงานที่ต้องใช้ความคิดในการวิเคราะห์ และการตัดสินใจ เป็นเรื่องที่ไม่มีความแน่นอน และเกี่ยวข้องกับปัจจัยภายนอกต่างๆ
- ผู้บริหารระดับกลาง (Middle Manager) ทำหน้าที่ในการควบคุมการบริหาร (Management Control) ได้แก่การวางแผนในการปฏิบัติงาน การติดตามการทำงานตามแผนที่วางไว้ การตรวจสอบและติดตามงานว่าเป็นไปตามแผนที่วางไว้ การจัดสรรทรัพยากร และการประเมินผลของการทำงาน เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ขององค์กร
- ผู้บริหารระดับล่าง (Low-level Manager) ทำหน้าที่ในการควบคุมการปฏิบัติงาน (Operational Control) ให้ได้ผลและมีประสิทธิภาพ และเป็นผู้รายงานผลการปฏิบัติงานไปยังผู้บริหารระดับกลางและสูง
การตัดสินใจ (Decision Making)
การตัดสินใจ หมายถึง กระบวนการในการเลือกทางเลือกในการปฏิบัติ เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ที่วางไว้ เนื่องจากการดำเนินงานภายในองค์กรต้องเผชิญกับปัญหาต่าง ๆ มากมาย ในการแก้ปัญหานั้นอาจมีวิธีที่เป็นไปได้หลายทาง จึงจำเป็นต้องทำการตัดสินใจเลือกทางเลือกในการแก้ปัญหาที่เหมาะสม เพื่อให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ขององค์กรที่ได้วางไว้ให้มากที่สุด โดยต้องคำนึงถึงความเป็นไปได้ และความผันแปรของตัวแปลต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง
ระดับของการตัดสินใจ
- การตัดสินใจระดับกลยุทธ์ (Strategic Decision Making) เป็นการตัดสินใจที่มีผลในระยะยาวต่อทั้งองค์กร ซึ่งส่งผลต่อวัตถุประสงค์ เป้าหมาย และนโยบายขององค์กร โดยทั่วไปจะเป็นการตัดสินใจของผู้บริหารระดับสูง
- การตัดสินใจระดับการควบคุมการบริหาร (Management Control Decision Making) เป็นการตัดสินใจที่มีผลต่อส่วนใดส่วนหนึ่งขององค์กร ที่เป็นส่วนย่อย อยู่ภายใต้การตัดสินใจระดับกลยุทธ์ เป็นการตัดสินใจของผู้บริหารระดับกลาง เกี่ยวกับการวัดผลการปฏิบัติงาน หรือการควบคุมประสิทธิภาพของการปฏิบัติงาน
- การตัดสินใจระดับปฏิบัติการ (Operational Control Decision Making) เป็นการตัดสินใจที่มีผลต่อการปฏิบัติงานและกิจกรรมต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในแต่ละวัน เกี่ยวข้องกับกิจกรรม งาน เป้าหมาย และทรัพยากรที่ถูกกำหนดไว้เรียบร้อยแล้ว โดยทั่วไปจะเป็นการตัดสินใจของผู้บริหารระดับล่าง
- การตัดสินใจของผู้เชี่ยวชาญ (Knowledge-level Decision Making) เป็นการตัดสินใจของผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งเกี่ยวข้องกับการประเมินทางเลือกของสินค้าหรือบริการใหม่ การสื่อสารความรู้ใหม่และวิธีการกระจายข้อมูลข่าวสารไปยังทุกหน่วยขององค์กร
กระบวนการตัดสินใจ
- กระบวนการตัดสินใจ เป็นกระบวนการที่ทำให้ผู้ตัดสินใจสามารถเลือกสรรและค้นหาทางออกให้กับการแก้ปัญหาที่มีอยู่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้เนื่องจากกระบานการตัดสินใจประกอบด้วยลำดับของขั้นตอนต่างๆ ที่จะนำไปสู่การตัดสินใจที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น และทำให้ผลลัพธ์ที่ตามมาเป็นไปตามที่ต้องการหรือใกล้เคียงกับความต้องการ
- กระบวนการตัดสินใจของ Herbert A. Simon ได้แบ่งกระบวนการตัดสินใจออกเป็น 4 ขั้นตอนที่สำคัญ แสดงดังภาพ
การกำหนดปัญหา
การออกแบบ
การตัดสินใจเลือกทางเลือก
การนำไปปฏิบัติ
- การกำหนดปัญหา (Intelligence Phase) เป็นการรวบรวมข้อเท็จจริง ความคิด และเหตุผลต่างๆ เพื่อใช้ในการตัดสินใจ ผู้บริหารจะต้องมองเห็นว่าเกิดปัญหาอะไรในองค์กรที่อาจจะเป็นอุปสรรค์ต่อการดำเนินงานขององค์กรหรือการดำเนินธุรกิจ ซึ่งหากรวบรวมข้อมูลได้ครบถ้วนมากเท่าใด ก็สามารถนำไปกำหนดทางเลือกในการแก้ปัญหาที่ชัดเจนและแน่นอนได้มากขึ้นเท่านั้น
- การออกแบบ (Design Phase) เป็นการสร้าง พัฒนา เเละวิเคราะห์ทางเลือกในการปฏิบัติที่เป็นไปได้ รวมทั้งการทดสอบ และประเมินทางแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น โดยการสร้างตัวแบบเพื่อการแปลงปัญหาให้อยู่ในรูปตัวแบบเชิงปริมาณ หรือตัวแบบทางคณิตศาสตร์ เพื่ออธิบายถึงความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรทั้งหมด การตั้งสมมติฐาน การกำหนดเงื่อนไขแบบต่าง ๆ และทำการทดสอบทางเลือกต่าง ๆ ที่มีความเป็นไปได้ในการนำมาใช้แก้ปัญหา
- การตัดสินใจเลือกทางเลือก (Choice Phase) เป็นการตัดสินใจเลือกทางเลือกใดทางเลือกหนึ่งจากทางเลือกทั้งหมด ที่ได้มีการพิจารณาข้อดี ข้อจำกัด ตามหลักเกณฑ์การเลือกที่ได้กำหนดไว้ การตัดสินใจของผู้บริหารอาจเลือกทางเลือกที่ดีที่สุด หรือทางเลือกที่เหมาะสมกับสถานการณ์ในขณะนั้น เพื่อที่จะนำไปปฏิบัติ ซึ่งขึ้นอยู่กับไหวพริบ ประสบการณ์ความเด็ดขาด ความกล้าได้กล้าเสีย หรือวิสัยทัศน์ของผู้บริหารแต่ละคนด้วย
- การนำไปปฏิบัติ (Implementation Phase) เป็นขั้นตอนในการนำทางเลือกที่เลือกไว้มาปฏิบัติจริงเพื่อแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น ผู้บริหารจะต้องกำหนดว่าจะเริ่มดำเนินเมื่อใดและดำเนินการอย่างไร เมื่อนำไปปฏิบัติแล้วต้องมีการประเมินผลของทางเลือกที่นำมาใช้ในการแก้ปัญหา และผลการปฏิบัติเป็นไปตามเป้าหมายหรือไม่
ภาพแสดงระบบสารสนเทศที่สนับสนุนการดำเนินธุรกิจในแต่ละระดับขององค์กร |
แหล่งอ้างอิง
http://nanynoty.blogspot.com/2013/02/blog-post_920.html
https://ruchareka.wordpress.com/
http://www2.it.kmutnb.ac.th/
https://sawatdeeinthailand.wordpress.com
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น