Enterprise Applications
ระบบสารสนเทศที่สนับสนุนธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์
ระบบสารสนเทศที่สนับสนุนธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์ (Enterprise Applications)
แบ่งออกเป็น
- ระบบพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Commerce : E-Commerce, EC)
- ระบบการวางแผนทรัพยากรทางธุรกิจ (Enterprise Resource Planning System : ERP)
- ระบบการบริหารงานลูกค้าสัมพันธ์ (Customer Relationship Management System : CRM)
- ระบบการบริหารห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain Management System : SCM)
ระบบวางแผนทรัพยากรขององค์กร หรือ อีอาร์พี
ERP ย่อมาจาก Enterprise Resource Planning หมายถึงการวางแผนควบคุมการปฏิบัติงานและจัดการทรัพยากรสารสนเทศจากการทำธุรกรรมที่เกิดขึ้นในองค์การโดยรวม สามารถบูรณาการข้อมูล และกระบวนการทำงานหลักภายในองค์กรทั้งหมด
โครงสร้างของ ERP แบ่งออกเป็น 5 กลุ่ม คือ
- Material Resource Planning : MRP หมายถึง ระบบสารสนเทศเพื่อใช้ในการจัดทำแผนความต้องการวัสดุ โดยมีองค์ประกอบของข้อมูลนำเข้าที่สำคัญ 3 รายการ คือ ตารางการผลิตหลัก แฟ้มข้อมูลบัญชีรายการวัสดุ และแฟ้มข้อมูลสถานะคงคลัง
- Finance Resource Management : FRM หมายถึง ระบบสารสนเทศที่เน้นให้บริการเกี่ยวกับการเงินและบัญชี โดยอิงตามกฎระเบียบและข้อบังคับตามที่ประเทศนั้นกำหนด
- Human Resource Management : HRM หมายถึงระบบสารสนเทศเพื่อการบริหารงานทางบุคคล
- Customer Resource Management : CRM หมายถึงระบบสารสนเทศเพื่อบริหารความสัมพันธ์ระหว่างองค์กรและลูกค้า
- Supply Chain Management : SCM หมายถึง ระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการกระบวนการไหลของวัสดุ สินค้า ตลอดจนข้อมูลและธุรกรรมต่างๆ
ลักษณะสำคัญของระบบ ERP
- การบูรณาการระบบงานต่างๆ เข้าด้วยกัน ตั้งแต่การจัดซื้อ จัดจ้าง การผลิต การขาย บัญชี การเงิน และการบริหารบุคคล ซึ่งแต่ละส่วนงานจะมีความเชื่อมโยงในด้านการไหลของวัตถุดิบสินค้าและการไหลของข้อมูล
- รวมระบบงานต่างๆ แบบ Real Time ทำให้ข้อมูลเกิดขึ้นในเวลาจริงอย่างทันที ช่วยให้สามารถทำการปิดบัญชีได้ทุกวัน เป็นรายวัน คำนวณ ต้นทุนและกำไรขาดทุนของบริษัทเป็นรายวัน
- ระบบ ERP มีฐานข้อมูลรวม โดยฐานข้อมูลรวมนี้สามารถถูกเรียกใช้ได้จากระบบอื่นได้โดยตรงโดยไม่จำเป็นต้องทำ Batch Processing หรือ File Transfer และทำให้ข้อมูลนั้นมีอยู่ที่เดียวได้ ทำให้ข้อมูลของระบบไม่ซ้ำซ้อน ไม่มีความผิดพลาดและขัดแย้งของข้อมูล และเกิดประสิทธิภาพ
คุณสมบัติของ ERP ที่ดี
- มีความยืดหยุ่น (Flexible)
- โมดูลเป็นอิสระจากกัน (Modular)
- ความครอบคลุม (Comprehensive)
- การเชื่อมต่อกับระบบสารสนเทศอื่นนอกเหนือจากองค์กร (Beyond the Company)
- มีกระบวนการทำงานที่ดี (Belong to the Best Business Practices)
ประโยชน์ของ ERP
- เพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารและการปฏิบัติงานให้กับกระบวนการทำงานของธุรกิจ
- สร้างระบบงานและกระบวนการทำงานให้ถูกต้อง
- ลดความซ้ำซ้อนของการเก็บข้อมูล
- มีศูนย์รวมระบบข้อมูลสารสนเทศที่ช่วยการตัดสินใจ
- เป็นกระบวนการทำงานที่ดีที่สุดมาใช้ในองค์กร
- มัความยืดหยุ่นในการปรับเปลี่ยน หรือขยายระบบงาน
- มีระบบการควบคุมภายใน และการรักษาความปลอดภัยที่ดี
- ทำให้เกิดรายงานและการวิเคราะห์ที่สามารถใช้สำหรับการวางแผน
- ช่วยลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานระยะยาว
ระบบการจัดการลูกค้าสัมพันธ์ หรือ ซีอาร์เอ็ม
CRM ย่อมาจาก Customer Relationship Management การบริหารงานลูกค้าสัมพันธ์ คือ การจัดการกิจกรรมที่เกี่ยวกับลูกค้าในปัจจุบัน และลูกค้าที่คาดว่าจะมีในอนาคต เป็นการประสานกระบวนการขาย การตลาด และการให้บริการทั้งหมด
สาเหตุที่ต้องมี CRM
เนื่องจากการทำธุรกิจในยุคโลกาภิวัตน์ มีการเปลี่ยนแปลงคือ
- การแข่งขันทางธุรกิจสุงขึ้น รุนแรง และรวดเร็ว
- อำนาจซื้ออยู่ที่ลูกค้า
- การหาลูกค้าใหม่มีต้นทุนสูงขึ้น
- ลูกค้าที่อยู่กับบริษัทนาน เป็นลูกค้าที่มีคุณค่า
- ลูกค้ามีความคาดหวังสูงขึ้น บริษัทต้องตอบสนอง
- หลัก 80 : 20 ทำให้ต้องจัดการลูกค้าแต่ละกลุ่มต่างกัน
- ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี ช่วยให้เราเลือกลูกค้าได้อย่างถูกต้องและรวดเร็ว
ประโยชน์ของ CRM
- สร้างความจงรักภักดีของลุกค้าในระยะยาว
- เพิ่มยอดขายในระยะยาว
- สร้างประวัติ และชื่อเสียงที่ดีของบริษัท
- เพิ่มโอกาสในการเติบโตของธุรกิจ
- มีการเก็บรวบรวมข้อมูลของลูกค้าในระบบอิเล็กทรอนิกส์
- เป็นเครื่องมือช่วยเชื่อมต่อเข้ากับระบบงานอื่นๆ
ขั้นตอนของ CRM
การสร้างสายสัมพันธ์อย่างแท้จริงกับลูกค้าด้วย CRM มีขั้นตอนดังนี้
- การค้นหาคุณค่าที่ลูกค้าต้องการ และคุณค่าที่เหนือกว่าคู่แข่ง
- การกำหนดตลาดเป้าหมาย
- การนำเสนอคุณค่าแก่ลูกค้า
- การประเมิน
การนำเทคโนโลยีสารสนเทศนำมาใช้ใน CRM
- ระบบการตลาดอัตโนมัติ (Market Automation)
- การขายอัตโนมัติ (Sales automation)
- การบริการ (Service)
ความสามารถหลักของ CRM
- จัดการเรื่องการติดต่อ
- ช่วยในด้านการขาย การตลาด การบริการอย่างมืออาชีพ
- ช่วยเก็บข้อมูลลูกค้า ที่มีความสัมพันธ์กันที่ผ่านมาเอาไว้
- ช่วยเก็บข้อมูลของลูกค้าเอาไว้ในฐานข้อมูล
- สามารถให้ลูกค้าติดต่อกับบริษัทได้โดยผ่านอินเทอร์เน็ต อินทราเน็ต และเครือข่ายอื่นๆ
2. การขาย
- สนับสนุนกิจกรรมด้านการขาย
- ลูกค้าสามารถเข้ามาตรวจเช็ค สถานะทางบัญชี ฝากเงินตามยอดขายของตนเอง
3. การตลาด
- ส่งเสริมการขายได้โดยตรงด้วยระบบอัตโนมัติ เช่น ทำให้การตั้งเป้าหมายทางการตลาดได้รับผลดี
- ช่วยทำการตลาด เช่น ติดตามการส่งอีเมล์ไปยังลูกค้าได้โดยตรง
4. การบริการและการสนับสนุนลูกค้า
- จัดการด้านการบริการด้วยซอฟต์แวร์ที่สามารถเข้าถึงฐานข้อมูลของลูกค้าได้ด้วยระบบคอมพิวเตอร์ออนไลน์
- สามารถใช้ฐานข้อมูลร่วมกันได้
- ช่วยสนับสนุนลูกค้า โดยสามารถเพิ่มปรับปรุง มอบหมายงาน และจัดการการร้องขอด้านการบริการที่ลูกค้าร้องขอ
e-CRM
Electronic Customer Relationship Management หรือ e-CRMคือ การบริหารจัดการความสัมพันธ์ของลูกค้าโดยใช้อินเทอร์เน็ตเป็นสื่อกลาง รูปแบบของ e-CRM เป็นไปได้ทั้งการใช้ E-mail กิจกรรมด้วน E-commerce และอีกหลายวิธีการที่สามารถติดต่อเข้าถึงลูกค้าได้บนพื้นฐานของอินเทอร์เน็ต
เทคโนโลยีของ e-CRM
การนำ e-CRM มาใช้ให้ประสบความสำเร็จอาจจะแบ่งกลุ่มเทคโนโลยีหลัก ได้ดังนี้
- เทคดนโลยีการจัดการฐานข้อมูล
- เทคโนโลยีที่สามารถโต้ตอบได้
- เทคโนโลยีการผลิตสินค้าที่ได้มาตรฐานเดียวกันเป็นจำนวนมากแต่สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าเฉพาะกลุ่ม
- เทคโนโลยีด้านโทรคมนาคม
การให้บริการลูกค้าผ่าน e-CRM
งานหลักของ e-CRM คือให้บริการลูกค้าผ่าน Web ตัวอย่างได้แก่
- ความสามารถในการค้นหาและเปรียบเทียบ
- ให้บริการฟรีในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับสินค้าและบริการ
- ให้สารสนเทศเชิงเทคนิคและอื่นๆ รวมทั้งบริการต่างๆ ด้วย
- จัดผลิตภัณฑ์และบริการให้เหมาะสมกับความต้องการของลุกค้า
- ติดตามสถานะการสั่งของ การจัดส่ง การชำระเงิน เป็นต้น
คุณสมบัติที่ดีของ e-CRM
- มีความสามารถในการบริการอย่างมีประสิทธิภาพ
- มีความสามารถในการจัดการอย่างมีประสิทธิภาพและรวดเร็ว
- ประเมินความต้องการของลูกค้าล่วงหน้าได้
- มีการนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยเข้ามาใช้ในระบบการทำงาน
- มีการอำนวยความสะดวกให้ลุกค้าในการรับข้อมูลที่ตัวเองสนใจ และทันต่อเหตุการณ์
ระบบการบริหารห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain Management System : SCM)
Supply Chain Management : SCM คือ กระบวนการโดยรวมของการไหลของวัสดุ สินค้า ตลอดจนข้อมูล และธุรกรรมต่างๆ ผ่านองค์การที่เป็นผู้ส่งมอบ ผู้ผลิต ผู้จัดจำหน่าย ไปจนถึงลูกค้าหรือผู้บริโภค โดยที่องค์การต่างๆ เหล่านี้มีความสัมพันธ์ระหว่างองค์กรที่เกี่ยวข้องกัน
โครงสร้างโซ่อุปทาน (Supply Chain Model)
- เป็นการอธิบายการไหลของวัตถุดิบต่างๆ ข้อมูลทางการเงิน และการบริการต่างๆ ตั้งแต่ผู้ขายวัตถุดิบทั้งหลายมาจนถึงโรงงาน และจากดกดังเก็บสินค้าไปจนถึงลูกค้าท้ายสุด
- ลักษณะโครงสร้างของโซ่อุปทานมีอยู่หลายรูปแบบส่วนมากมีลักษณะที่คล้ายๆ กัน ไม่แตกต่างกันมากนัก ซึ่งมีรูปแบบการไหลในลักษณะของอัปสตรีม
- การระบุว่าจุดไหนคืออัปสตรีมนั้น ให้ใช้ตำแหน่งของบริษัทที่พิจารณาเป็นหลัก
- การเรียงลำดับส่วนประกอบของโซ่อุปทานจากอัปสตรีมไปยังดาวน์สตรีมอาจจะเรียงได้ดังนี้
- ผู้จัดจ่ายวัตถุดิบ/ส่วนประกอบ
- ผู้ผลิต
- ผู้ค้าส่ง/ผู้กระจายสินค้า
- ผู้ค้าปลีก
- ผู้บริโภค
แนวคิดการบริหารห่วงโซ่อุปทาน
- เปลี่ยนจากการทำงานตามบทบาทและหน้าที่ของแต่ละฝ่ายเป็นการทำงานร่วมกันเป็นกระบวนการ
- เปลี่ยนเป้าหมายที่กำไรเป็นการทำงานที่มีเป้าหมายหลายด้าน
- เปลี่ยนจากการมุ่งเน้นผลิตภัณฑ์เป็นการมุ่งเน้นลูกค้า
- รักษาปริมาณสินค้าคงคลังในระดับที่เหมาะสม
- สร้างสัมพันธภาพที่ดีระหว่างหน่วยธุรกิจต่างๆ
ประโยชน์ของ SCM
- ลดระดับของสินค้าคงคลัง
- เพิ่มผลิตภาพ
- ลดความสูญเปล่าในกระบวนการทำงาน
- ลดรอบเวลาของการทำธุรกรรม
- การเพิ่มโอกาสในการออกสินค้าใหม่ให้เร็วขึ้น
- การเปิดตลาดใหม่ๆ
- การสร้างความพอใจให้แก่ลูกค้ามากขึ้น
- ลดต้นทุนธุรกิจ
- มีการบริหารเงินทุนหมุนเวียนที่ดี
โครงสร้างส่วนประกอบของ SCM
- การสนับสนุน Supply Chain โดยใช้ IT แบ่งได้เป็น 3 ส่วน คือ
- Upstream supply chain (ห่วงโซ่ต้นทาง)
- Internal supply chain (ห่วงโซ่ภายใน)
- Downstream supply chain (ห่วงโซ่ปลายทาง)
การประยุกต์ใช้กลยุทธ์การบริหาร SCM
กลยุทธ์ของ SCM สามารถแบ่งประเด็นสำคัญๆ ได้ดังนี้
- ความยืดหยุ่นในระบบ
- องค์กรควรมีการออกแบบระบบให้เหมาะสม
- มีการจัดแบ่งลูกค้าและสินค้า
- การบริหารการพัฒนาสินค้า การบริหารต้นทุนเป้าหมายของสินค้า การบริหารต้นทุนของสินค้าตลอดช่วงอายุ
- การผลิตสินค้า/บริการเฉพาะลูกค้า
- การใช้ข้อมูลอย่างเหมาะสม
- การลดความสูญเสีย
- การสร้างพันธมิตร
- การใช้ประโยชน์จากอิเล็กทรอนิกส์
- การพัฒนาบุคลากร
แหล่งอ้างอิง
https://www.openerpthailand.org/viewtopic.php?t=442
https://sites.google.com/site/karcadkarsoxupthan/kar-cadkar-so-xupthan/prayochn-laea-naewkhid-khxng-kar-brihar-scm
https://www.openerpthailand.org/viewtopic.php?t=442
https://sites.google.com/site/karcadkarsoxupthan/kar-cadkar-so-xupthan/prayochn-laea-naewkhid-khxng-kar-brihar-scm
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น